เหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 8.2 ในกรุงเทพฯ

Last updated: 7 มิ.ย. 2568  |  2 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 8.2 ในกรุงเทพฯ

วันนี้ (28 มี.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้โซเซียลหลายคนบันทึกภาพ นาทีแผ่นดินไหว จนทำให้ตึกที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างแถวตึกแดง เขตจตุจักร กทม.พังถล่มลงมา ท่ามกลางเสียงตกใจของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบความเสียหาย

สำหรับอาคารระหว่างก่อสร้าง ใกล้สวนจตุจักร ถล่มลงมา ในอาคารมีคนงานประมาณ 50 คน หนีออกมาได้ 7 ราย ติดในอาคาร 43 คน ทางศูนย์นเรนทร สพฉ.กำลังเร่งเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือ พร้อมเครือข่ายกู้ชีพล่าสุดพบผู้เสียชีวิต 1 คน

มีรายงานว่าตึกถล่มย่านจตุจักรที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สูง 30 ชั้น มูลค่างานก่อสร้าง 2,136 ล้านบาท

ขณะนี้สัญญาณการสื่อสารมีปัญหาจากแผ่นดิวไหว ทาง สพฉ. ได้จัดเตรียมรถสื่อสารของศูนย์นเรนทร สแตนบายสำหรับใช้ในการสื่อสารเหตุฉุกเฉินเร่งด่วน มีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง

ขอขอบคุณข่าวจาก https://www.thaipbs.or.th/news/content/350666

 

ทำเห็นว่าการมีระบบที่สามารถตรวจสอบการเคลื่อนไหวของอาคาร การสั่นสะเทือน มีความสำคัญอย่างมาก เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ระบบ Structure Health  Monitoring Technology (SHM) ติดตั้งในอาคารที่กำลังก่อสร้างดียังไง ??

✅ ข้อดีของการติดตั้ง SHM ขณะก่อสร้าง

1. ตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างตั้งแต่ต้น

  • ช่วยให้วิศวกรทราบว่าการก่อสร้างดำเนินไปตามมาตรฐานหรือไม่
  • ตรวจจับความผิดปกติ เช่น การทรุดตัว ความเครียด หรือการสั่นสะเทือนที่ผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

2. ป้องกันปัญหาร้ายแรงในอนาคต

  • ถ้าโครงสร้างมีปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น เช่น เหล็กไม่ตรงสเปก วัสดุเสื่อมคุณภาพ ฯลฯ SHM จะช่วยแจ้งเตือนก่อนเกิดความเสียหายใหญ่
  • ลดความเสี่ยงของการซ่อมแซมภายหลัง หรืออุบัติเหตุเมื่อใช้งานอาคาร

3. บันทึกข้อมูลโครงสร้างตลอดอายุการใช้งาน

  • SHM ที่เริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่ช่วงก่อสร้าง จะมีฐานข้อมูลเปรียบเทียบในอนาคต
  • ช่วยติดตามการเปลี่ยนแปลงของอาคารเมื่อใช้งานจริง (structural aging, fatigue ฯลฯ)

4. ช่วยในกระบวนการควบคุมคุณภาพ (QC)

  • วิศวกรสามารถใช้ข้อมูลจาก SHM ตรวจสอบความถูกต้องของขั้นตอนการก่อสร้างได้แบบเรียลไทม์
  • ตรวจวัดแรงดัน แรงดึง ความสั่นสะเทือน ฯลฯ อย่างแม่นยำ

5. ประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว

  • การตรวจพบและแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นจะถูกกว่าการซ่อมแซมเมื่ออาคารใช้งานแล้ว
  • ลดความถี่ในการตรวจสอบแบบ manual (ลดค่าแรงงานวิศวกรตรวจสอบ)

6. เพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าของโครงการและผู้ใช้งาน

  • เป็น selling point ในเชิงการตลาด เช่น อาคารอัจฉริยะ (Smart Building)
  • ช่วยให้การประกันภัยอาคารทำได้ง่ายขึ้น และอัตราเบี้ยถูกลงในบางกรณี

 

ประชาสัมพันธ์

บริษัท วิศวกรรมซ่อมบำรุงทั่วไป จำกัด 

Move Solution & GME Engineer

6 มิถุนายน 2568

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้